The Committee on Agriculture and Cooperatives
หมูรายย่อยอีสาน ยื่น!! สอบจับโป๊ะรัฐบาล รับร่างมาตรฐาน CODEX MRLs สารเร่งเนื้อแดง 13 ปีที่แล้ว ห้ามคนเลี้ยงหมูไทยใช้ผสมอาหารสัตว์ แต่เตรียมเปิดตลาดหมูสารเร่งเนื้อแดงสหรัฐ
19 สิงหาคม 2568 ร้อยเอ็ด – ประธานชมรมหมูรายย่อยอีสานยื่นกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ เตรียมเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องให้ข้อเท็จจริง เพื่อหาทางแก้ไข
นายเดือนเด่น ยิ้มแย้ม ประธานชมรมผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ ผ่านคุณชัชวาล แพทยาไทย เลขาธิการภาคพรรคไทยสร้างไทย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดร้อยเอ็ด คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร หลังจากมีความชัดเจนว่ารัฐบาลจะรับข้อเสนอของสหรัฐอเมริกา ตามคำขอจากการประชุมครั้งที่ 6 โดยผู้แทนการค้าสหรัฐได้ยื่นขอให้แก้กฎหมาย พรบ.ดิจิตอล และแก้กฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขที่ห้ามปนเปื้อนสารกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ที่ทราบกันดีว่าคือ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข(ฉบับที่ 269) พ.ศ. 2546 เรื่อง มาตรฐานอาหารที่มีการปนเปื้อนสารเคมีกลุ่มเบต้าอะโกนิสต์ ที่ออกตามพระราชบัญญัติ อาหาร พ.ศ. 2522
โดยแรงกดดันของผู้แทนการค้าสหรัฐ(USTR) มาจากภาคเอกชนจาก สภาผู้เลี้ยงสุกรสหรัฐ(National Pork Producer Council(NPPC)) ที่กดดันรัฐบาลสหรัฐให้เจรจาเปิดตลาดเนื้อสุกรให้กับสหรัฐ หลังจากปี 2555 สหรัฐยื่นร่างมาตรฐานสารตกค้างขั้นสูงสุดของแลคตามีน (MRLs Ractopamine) โดยคณะที่ร่วมประชุมจากประเทศไทยในปีดังกล่าว แม้จะวางตัวเป็นกลางแต่โดยการเป็นภาคีสมาชิกถือว่ารับร่างมาตรฐานของสหรัฐไปโดยปริยาย หลังจากมติโหวตผ่านด้วยคะแนน 69 ต่อ 67 โดยไม่ได้แสดงเอกสิทธิ์ในการที่จะคงกฎหมายในประเทศไว้แต่อย่างใด ซึ่งเป็นเอกสิทธิ์ของภาคีสมาชิก ในขณะที่กลุ่มประเทศที่ห้ามใช้สารเร่งเนื้อแดงมีการแสดงเจตนารมณ์ที่จะคงกฎหมายไว้ ในขณะที่บางส่วนขอบันทึกไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว
หลังการประชุม CODEX ครั้งที่ 35 สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้มีการเจรจา และ ฟ้องต่อศาลปกครองให้สำนักงานมาตรฐานเกษตรและอาหารแห่งชาติ(มกอช.) ทำคำสงวนย้อนหลังโดยการแสดงเจตนาที่จะคงกฎหมายในประเทศไว้ หรือสามารถที่จะทำบันทึกย้อนหลังความไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว แต่สำนักงานมาตรฐานเกษตรและอาหารแห่งชาติ ไม่ยอมปฏิบัติตามคำขอ อ้างแต่ว่าทำไม่ได้ แต่จากการติดตามการรายงานของเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวตามรายงาน US Foreign Trade Barrier Report ในช่วง 13 ปีที่ผ่านมา ระบุชัดเจนว่าไทยขอประเมินความเสี่ยงและตั้งกำหนดค่า MRL ใหม่ แต่ไม่ชี้แจงต่อสาธารณะและผู้เลี้ยงสุกรในประเทศว่าได้รับร่าง CODEX ดังกล่าวไว้แล้ว กรณีนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาว่า “เป็นอำนาจแห่งรัฐ (State Power) ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง (Administrative Order) ศาลปกครองไม่มีอำนาจออกคำบังคับได้”จึงเป็นประเด็นที่รัฐบาลจะต้องตระหนักกับ“ความปลอดภัยด้านอาหาร”ตามพระราชบัญญัติคณะกรรมการอาหารแห่งชาติ พ.ศ. 2551 ได้กำหนดไว้
จึงทำให้การเจรจาต่อรองลดภาษีศุลกากร กับ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ในกรณีที่มีการขอให้เปิดตลาดสุกรจากสหรัฐ ยากที่จะปฏิเสธ หรือ หาทางออกอื่นเนื่องจากปัญหาการรับร่างมาตรฐานในปีดังกล่าว
สำหรับประเด็นที่ขอให้รัฐบาลนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์จากสหรัฐในส่วนที่ขาดแคลน เบื้องต้นอยู่ในจำนวนที่สูงแต่กลับมีการลดยอดในบางกลุ่ม โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้ระหว่างที่จะมีการนำข้อตกลงจากการเจรจาเข้าอนุมัติตามขั้นตอนของรัฐบาล ยังจะพอมีเวลาที่จะกำหนดให้มีความเหมาะสม ตามข้อเสนอในครั้งแรกที่กลุ่มปศุสัตว์และอาหารสัตว์ในนามของสมาพันธ์ปศุสัตว์และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้นำเสนอรัฐบาล
ซึ่งรายละเอียดข้อเท็จจริงจากกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่จะนำเข้าไปหารือ และข้อเท็จจริงที่จะเชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อเท็จจริง จะมีการพูดคุยหลังจากมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งคาดว่าน่าจะมีขึ้นภายในเดือนสิงหาคม 2568 นี้