Pig Farm Standard

มาตรฐานสินค้าเกษตร

การปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกร(มกษ. 6403-2565)

1. ขอบข่าย

1.1  มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้กำหนดการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับฟาร์มสุกรตามที่กำหนดนิยามไว้ในข้อ 2.1 ครอบคลุมองค์ประกอบฟาร์ม การจัดการฟาร์ม บุคลากร สุขภาพสัตว์ สวัสดิภาพสัตว์สิ่งแวดล้อม และการบันทึกข้อมูล เพื่อให้ได้สุกรท่ีมีความเหมาะสมในการนำไปเลี้ยง หรือนำไปใช้เป็นอาหารโดยคำนึงถึงความปลอดภัยอาหารสุขภาพสัตว์สวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม

1.2  มาตรฐานสินค้าเกษตรนี้ใช้กับฟาร์มที่เลี้ยงสุกรที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Sus scrofa ทั้งที่เป็นสุกรบ้านและสุกรป่า

2. นิยาม

ความหมายของคำที่ใช้ในมาตรฐานสินค้าเกษตรนี้มีดังต่อไปนี้

2.1  ฟาร์มสุกร (pig farm) หมายถึง สถานประกอบการที่เลี้ยงสุกรพ่อแม่พันธุ์สุกรอนุบาลหรือสุกรขุน อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่างรวมกัน

  1. ข้อกำหนด

3.1 องค์ประกอบฟาร์ม

3.1.1 สถานที่ตั้ง

หลักการ

การเลือกสถานที่ตั้งเพื่อประกอบกิจการฟาร์มสุกรมีความสำคัญ ต้องคำนึงถึงการปนเปื้อนของอันตรายทางกายภาพ เคมีและชีวภาพจากสภาพแวดล้อม การคมนาคมที่สะดวก และการมีแหล่งนํ้าที่เหมาะสมและเพียงพอ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีผลกระทบต่อสุขภาพ และสวัสดิภาพสัตว์สามารถขนส่งสุกร อาหารสัตว์เวชภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวก และไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้

3.1.1.1 มีหลักฐานแสดงการยินยอมให้ประกอบกิจการจากราชการส่วนท้องถิ่น

3.1.1.2 ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เส่ียงต่อการปนเปื้อนของอันตรายทางกายภาพ เคมี และชีวภาพ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม แหล่งรวมขยะ ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพของสุกร และคน รวมทั้งสวัสดิภาพสัตว์ หรือมีมาตรการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม

3.1.1.3 ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีเส้นทางการคมนาคมที่สามารถขนส่งสุกร อาหารสัตว์เวชภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ได้สะดวก ไม่อยู่ในบริเวณที่น้ำท่วมขังได้

3.1.1.4 มีแหล่งน้ำที่สะอาดและใช้เพียงพอ

3.1.2 ผังและลักษณะฟาร์ม

หลักการ

การวางผังฟาร์มและการจัดแบ่งพื้นที่ภายในฟาร์มอย่างเหมาะสม จะช่วยป้องกันการปนเปื้อน สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ  และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพสัตว์สวัสดิภาพสัตว์และสิ่งแวดล้อม

3.1.2.1 มีพื้นที่ขนาดเพียงพอและเหมาะสมในการเลี้ยงสุกร ไม่หนาแน่นจนก่อให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม สุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์

3.1.2.2 มีรั้วหรือแนวกั้นธรรมชาติที่สามารถควบคุมการเข้า-ออกของคนและป้องกันสัตว์อื่นจากภายนอกได้

3.1.2.3 มีการวางผังฟาร์มสุกรที่เอื้อต่อการปฏิบัติงานอย่างถูกสุขลักษณะ กำหนดพื้นที่ปฏิบัติงานเป็นสัดส่วน เช่น  พื้นที่เลี้ยงสัตว์พื้นที่เก็บอาหารสัตว์พื้นที่สำหรับแยกและรักษาสุกรป่วย พื้นที่รวบรวมขยะและมูล พื้นที่

ทําลายซาก และพื้นที่จําหน่ายสุกร จัดแบ่งพื้นที่อาคาร สำนักงานและที่พักอาศัยเป็นสัดส่วนแยกจากบริเวณเลี้ยงสัตว์

3.1.2.4 มีมาตรการในการป้องกันสัตว์ต่างๆ เข้าสู่พื้นที่ส่วนการผลิต และมีการควบคุมการเข้า-ออกของคนผ่านทางช่องทางเข้า-ออกที่กำหนด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนข้าม

3.1.3 โรงเรือน

หลักการ

          โครงสร้างโรงเรือนที่แข็งแรง ถูกสุขลักษณะ มีพื้นที่เพียงพอ และมีการจัดการให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเลี้ยงสุกร จะส่งผลดีต่อสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์

3.1.3.1 มีโครงสร้างแข็งแรง ถูกสุขลักษณะ มีการระบายอากาศที่ดีง่ายต่อการทําความสะอาดและบำรุงรักษา

3.1.3.2 มีพื้นที่เพียงพอในการเลี้ยงสุกร และมีสภาพแวดล้อมภายในโรงเรือนเหมาะสมกับสายพันธุ์ ขนาด และอายุของสุกร

3.1.3.3 กรณีโรงเรือนปิดซึ่งมีการควบคุมสภาพแวดล้อม ได้แก่ อุณหภูมิความชื้น การระบายอากาศและแสงสว่างให้มีสัญญาณเตือนและมีมาตรการดำเนินการในกรณีอุปกรณ์อัตโนมัติไม่ทำงาน ไฟฟ้าดับหรือขัดข้อง

3.2      การจัดการฟาร์ม

3.2.1    คู่มือการจัดการฟาร์ม

หลักการ

          คู่มือการจัดการฟาร์มสุกรที่มีรายละเอียดการปฏิบัติงานที่สำคัญของฟาร์มสุกร จะช่วยให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องสามารถนําคู่มือไปใช้ในการปฏิบัติงานตามขั้นตอนที่กําหนดไว้อย่างถูกต้อง และช่วยให้การจัดการฟาร์มสุกรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ 

3.2.1.1 มีคู่มือการจัดการฟาร์มที่แสดงรายละเอียดการปฏิบัติงานที่สำคัญภายในฟาร์ม ได้แก่

          1) การเตรียมโรงเรือนก่อนนำสุกรเข้าเลี้ยง

          2)  การจัดการฟาร์ม

          3) ระบบการเลี้ยงสุกร

          4) การจัดการอาหารและน้ำสำหรับสุกร

          5) การทำความสะอาดและบำรุงรักษาโรงเรือน และอุปกรณ์

          6) การจัดการด้านสขภาพสุกร

          7)การควบคุมสัตว์พาหะ

          8)การจัดการด้านสุขาภิบาลและสิ่งแวดล้อม

          9)การจัดการด้านสวัสดิภาพสัตว์

          10)การบันทึกข้อมูล

3.2.1.2 มีการจัดทำเอกสารสำหรับขั้นตอนและวิธีปฏิบัติงานที่สำคัญ

3.2.2    การจัดการอาหารและน้ำ หลักการการจัดการให้สุกรได้รับอาหารและน้ำที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อความ

ต้องการ จะส่งผลดีต่อสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์

3.2.2.1 ใช้อาหารสัตว์ที่มีีคุณภาพ ปลอดภัย และเหมาะสมสำหรับการเลี้ยงสุกร ตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558

3.2.2.2 ห้ามใช้สารต้องห้ามตามพระราชบัญญัติควบคุมคุณภาพอาหารสัตว์ พ.ศ. 2558

3.2.2.3 การผสมยาลงในอาหารสัตว์ให้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร แยกพื้นที่เก็บอาหารสัตว์ผสมยาออกจากพื้นที่เก็บอาหารทั่วไป และมีป้ายบ่งชี้

3.2.2.4 มีการตรวจสอบคุณภาพอาหารสัตว์ทางกายภาพเบื้องต้น

3.2.2.5 จัดภาชนะและอุปกรณ์ให้อาหารเหมาะสมกับอายุขนาด และจำนวนของสุกร และจัดวางในตำแหน่งที่สุกรทุกตัวเข้ากินอาหารได้

3.2.2.6 มีสถานที่เก็บอาหารสัตว์และวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่สะอาด ระบายอากาศดีสามารถป้องกันความชื้น เชื้อราและสัตว์พาหะต่างๆ ได้โดยแยกออกจากสถานที่เก็บเครื่องมือ อุปกรณ์และสารเคมีเป็นพิษ

3.2.2.7 นำอาหารสัตว์ที่เก็บไว้ก่อนออกใช้ก่อน (first in - first out)

3.2.2.8 นํ้าที่ใช้ในฟาร์มได้รับการป้องกันการปนเปื้อนจากสิ่งที่เป็นอันตราย หรือมีมาตรการในการปรับปรุงคุณภาพก่อนนำมาใช้

3.2.2.9 มีน้ำสะอาดให้สุกรกินได้อย่างทั่วถึง

3.2.3    การจัดการโรงเรือน อุปกรณ์และการบำรุงรักษา

หลักการ

          การจัดการโรงเรือน อุปกรณ์ให้สะอาด เป็นการลดการสะสมของเชื้อก่อโรค และการบํารุงรักษาโรงเรือนอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานจะช่วยให้ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และปลอดภัยต่อสุกรและ

บุคลากร

3.2.3.1 ทำความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ให้ถูกสุขลักษณะ และบํารุงรักษาให้อยู่ในสภาพดีพร้อมใช้งาน ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุกรและบุคลากร

3.2.3.2 นํามูลสัตว์ออกและทำความสะอาด ไม่ให้เกิดการหมักหมมภายในโรงเรือนและบริเวณรอบๆ

3.2.3.3 ภายหลังจากย้ายสุกรออกจากโรงเรือน ให้ทําความสะอาด ฆ่าเชื้อคอกและอุปกรณ์และปิดพักไว้ก่อนนำสุกรรุ่นใหม่เข้าเลี้ยง ตามระยะเวลาที่กรมปศุสัตว์กำหนด

3.2.3.4 มีมาตรการควบคุมและกำจัดสัตว์พาหะที่เหมาะสม

3.3 บุคลากร

หลักการ

บุคลากรที่มีความรู้ความสามารถตามหน้าที่ความรับผิดชอบ มีสุขลักษณะส่วนบุคคลและสุขภาพดีจะช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสุกรได้รับการดูแลสุขภาพและสวัสดิภาพอย่างถูกต้อง

3.3.1    มีจํานวนบุคลากรเพียงพอ จัดแบ่งหน้าที่และความรับผิดชอบอย่างชัดเจน โดยคํานึงถึงจำนวนสุกรที่เลี้ยง

3.3.2    บุคลากรมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับการปฏิบัติงาน บุคลากรที่ทําหน้าที่เลี้ยงสุกรต้องมีความรู้โดยได้รับการฝึกอบรม หรือการฝึกอบรมในขณะปฏิบัติงานในการเลี้ยงสุกร

3.3.3    มีสัตวแพทย์ที่มีใบรับรองเป็นสัตว์แพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกรจากกรมปศุสัตว์

3.3.4    บุคลากรมีสุขลักษณะส่วนบุคคลที่ดีและได้รับการตรวจสุขภาพประจำปี รวมถึงโรคติดต่อระหว่างสัตว์และคน ที่สำคัญ

3.3.5    มีมาตรการป้องกันการปนเปื้อนเชื้อก่อโรคเข้าสู่ส่วนการผลิตผ่านทางบุคลากร เช่น การจัดเตรียมห้องอาบน้ำ เครื่องแต่งกายและรองเท้าสำหรับผู้ปฏิบัติงาน

3.3.6    บุคลากรที่เจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อซึ่งอาจปนเปื้อนสู่ระบบการผลิต ห้ามเข้าปฏิบัติงานภายในส่วนโรงเรือนเลี้ยงสุกร

3.4      สุขภาพสัตว์

3.4.1    การป้องกันและควบคุมโรค

หลักการ

มาตรการป้องกันและควบคุมโรค เช่น ความปลอดภัยทางชีวภาพ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่เหมาะสมและการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 มีความสำคัญต่อสุขภาพของสุกร ช่วยให้

สามารถป้องกันการแพร่กระจายและควบคุมเชื้อก่อโรคผ่านทางคนสัตว์ และยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3.4.1.1 มีมาตรการความปลอดภัยทางชีวภาพในการป้องกันและควบคุมโรคอย่างเหมาะสม ภายใต้การกำกับดูแลของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร

3.4.1.2 มีมาตรการป้องกันโรคที่อาจมากับสุกรรุ่นใหม่ที่นำเข้าฟาร์ม

3.4.1.3 มีการป้องกันและควบคุมโรคที่มากับยานพาหนะ อุปกรณ์และบุคคลก่อนเข้า-ออกฟาร์ม รวมถึงมีการจดบันทึกการผ่านเข้า-ออกฟาร์มที่สามารถตรวจสอบได้

3.4.1.4 มีโปรแกรมการสร้างภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงการกำจัดพยาธิภายในและภายนอก ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร

3.4.1.5 กรณีที่เกิดโรคระบาดหรือสงสัยว่าเกิดโรคระบาดต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558 และคำแนะนำของกรมปศุสัตว์

3.4.2    การบำบัดโรคสัตว์

หลักการ

การบำบัดโรคสัตว์จำเป็นต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกรเพื่อให้สุกรได้รับการตรวจวินิจฉัย การรักษา การป้องกันการเกิดโรคอย่างถูกต้องและไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพและสวัสดิภาพสัตว์รวมทั้งไม่เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค

3.4.2.1 การบําบัดโรคสัตว์ต้องอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกรโดยปฏิบัติตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวแพทย์ พ.ศ. 2545 และพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

3.4.2.2 การใช้เข็มฉีดยาสุกร ต้องมีวิธีปฏิบัติงานในการป้องกันไม่ให้เข็มฉีดยาหักค้างในตัวสัตว์และมีมาตรการแก้ไขในกรณที่เกิดปัญหา

3.5      สวัสดิภาพสัตว์

หลักการ

การจัดการการเลี้ยงสุกรต้องคํานึงถึงหลักสวัสดิภาพสัตว์เพื่อให้สุกรสามารถแสดงพฤติกรรมตามธรรมชาติ มีความเป็นอยู่ที่ดีีและไม่เกิดความทุกข์ทรมาน

3.5.1    เลี้ยงหรือดูแลให้สุกรมีความเป็นอยู่ในสภาวะที่เหมาะสม มีสุขอนามัยที่ดีมีที่อยู่ อาหารและนํ้าอย่างเพียงพอ โดยเป็นไปตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรม และการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557

3.5.2    กรณีที่สุกรป่วย บาดเจ็บ หรือพิการ ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายได้ให้ปฏิบัติอย่างเหมาะสมไม่ให้เกิดความทุกข์ทรมาน โดยการพิจารณาทำการุณยฆาตให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกรหรือบุคลากรที่ได้รับมอบหมายจากสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร

3.6 สิ่งแวดล้อม

หลักการ

การจัดการซาก ขยะ ของเสีย และนํ้าเสียจากฟาร์มสุกรจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจึงต้องมีการปฏิบัติอย่างถูกต้อง

3.6.1    จัดเก็บขยะมูลฝอยในภาชนะที่มี ฝาปิดมิดชิด นำไปกำจัดอย่างเหมาะสมและถูกสุขลักษณะ

3.6.2    มีวิธีการจัดการมูลฝอยติดเชื้อและขยะอันตราย แยกจากขยะทั่วไป

3.6.3    กำจัดและทำลายซากสุกรด้วยวิธีที่เหมาะสม โดยอยู่ในดุลยพินิจของสัตวแพทย์ผู้ควบคุมฟาร์มสุกร

3.6.4    มีระบบบําบัดนํ้าเสียเพื่อปรับปรุงคุณภาพของนํ้าทิ้ง โดยนํ้าทิ้งจากฟาร์มสุกรต้องเป็นไปตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าด้วยการกำหนดให้การเลี้ยงสุกรเป็นแหล่งกําเนิดมลพิษที่

จะต้องถูกควบคุมการปล่อยนํ้าเสียลงสู่แหล่งนํ้าสาธารณะหรือออกสู่สิ่งแวดล้อม และประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมว่าด้วยมาตรฐานควบคุมการระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกร

3.6.5    มีการจัดการมูลสุกรและการป้องกันกลิ่นรบกวน

3.7 การบันทึกข้อมูล

หลักการ

การบันทึกและเก็บรักษาข้อมูลมีความสำคัญที่จะช่วยในการวิเคราะห์หาสาเหตุที่มาของปัญหาหรือข้อผิดพลาดในการจัดการ และตามสอบการทำงานในแต่ละขั้นตอนว่ามีความถูกต้องตามวิธีปฏิบัติที่กำหนดไว้

3.7.1    มีการบันทึกข้อมูลผลการปฏิบัติงานในขั้นตอนที่สําคัญในการจัดการฟาร์ม ที่มีผลกระทบต่อสุขภาพสุกรและการควบคุมโรค การจัดการด้านการผลิต รวมถึงการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดังนี้

1)ข้อมูลเกี่ยวกับตัวสุกร เช่น หมายเลข อายุ เพศ พันธุ์ประวัติการผสมพันธุ์การคลอดการได้รับวัคซีน และการรักษาพยาบาล

2)การจัดการอาหารและน้ำ เช่น แหล่งที่มาของอาหารและน้ำ การให้อาหารและน้ำ

3)การรับสุกรที่แสดงแหล่งที่มา

4)การจำหน่ายและกระจายสุกร

5)การเข้า-ออกของบุคคลและยานพาหนะ

6)การใช้สารเคมียาฆ่าเชื้อ หรือวัตถุอันตราย

7)การใช้วัคซีนและยาสัตว์ เช่น ใบส่งยาสัตว์ ใบมอบหมายการใช้ยาสัตว์

8)ข้อมูลบุคลากร เช่น ประวัติบุคลากร ประวัติการฝึกอบรมหรือการถ่ายทอดความรู้หน้าที่ความรับผิดชอบ และผลการตรวจสุขภาพประจำปี

9)บันทึกที่เกี่ยวข้องกับการบำบัดน้ำเสีย

3.7.2ให้เก็บรักษาบันทึกข้อมูลเป็นเวลาอย่างน้อย 3 ปี

Visitors: 396,724