ทีมปกป้องเกษตรกรสมาคมหมูดันคุมขั้นต่ำราคาสุกรขุนผ่าน Pig Board ชุดเล็ก ก่อนประชุมปรับโครงสร้างราคาสุกรขุน สู่ ราคาปลีกเนื้อสุกรใหม่ 4 เมษายนนี้
ทีมปกป้องเกษตรกรสมาคมหมูดันคุมขั้นต่ำราคาสุกรขุนผ่าน Pig Board ชุดเล็ก ก่อนประชุมปรับโครงสร้างราคาสุกรขุน สู่ ราคาปลีกเนื้อสุกรใหม่ 4 เมษายนนี้
29 มีนาคม 2561 กรมปศุสัตว์ – ทีมงานสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติผลักดันให้ใช้ พรบ.ว่าด้วยสินค้าและบริการ มาเป็นเกราะปกป้องราคาต่ำสุดผ่านการเห็นชอบคณะอนุกรรมการการผลิต หรือ Pig Board ชุดเล็กของ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ และพร้อมปรับโครงสร้างราคาสุกรขุน สู่ ราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรใหม่ 4 เมษายนนี้ เพื่อสร้างความยุติธรรมให้ผู้เลี้ยงโดยเฉพาะรายเล็กรายย่อย
การประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์เมื่อวานนี้(28 มีนาคม 2561) เป็นการประชุมคณะกรรมการชุดเล็ก หรือ คณะอนุกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์(การผลิต) โดยมีวาระพิจารณาหลักๆ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาในระยะยาวให้กับผู้เลี้ยงสุกรทั้งอุตสาหกรรม ประกอบด้วย การผลักดันให้กระทรวงพาณิชย์นำพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.๒๕๔๒ มาใช้แก้ปัญหาความไม่ยุติธรรม โดยกฎหมายฉบับนี้มีเจตนารมณ์ในการดูและการซื้อการขายสินค้าที่มีลักษณะที่ผิดปกติในการตั้งราคาซื้อ ตั้งราคาขายที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งการแก้ปัญหาสามารถใช้อำนาจตามประกาศของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ซึ่งสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติได้นำเสนอประเด็นนี้อีกครั้งผ่านกรมปศุสัตว์ เพื่อผ่าน Pig Board ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบให้พิจารณาในคณะกรรมการชุดใหญ่ต่อไป
การนำกฎหมายมาบังคับใช้ กรณีหลังการประกาศจะมีผลถึงผู้ที่รับซื้อต่ำกว่าราคาที่กำหนดเป็นการกระทำผิดและมีบทลงโทษคือ จำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท ซึ่งเป็นบทลงโทษที่สูงมาก โดยการใช้กฎหมายนี้จะมีระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งในระหว่างส่งต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ จะมีการพิจารณาปรับโครงสร้างราคาจากสุกรขุนเป็นราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกรชำแหละ เพื่อเป็นแนวทางการพิจารณาราคาปลายทางที่ไม่เป็นธรรม โดยการพิจารณาจะมีขึ้นอีกครั้งในวันที่ 4 เมษายนนี้ โดยจะมีการเชิญผู้ประกอบการโรงเชือดมาร่วมประชุมเพื่อร่วมหาต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงจนถึงปลายทางการจำหน่ายปลีกเนื้อสุกร
ก่อนการประชุมนายสัตวแพทย์วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติหนึ่งในทีมคณะกรรมการกฎหมายที่ร่วมผลักดันให้นำพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.๒๕๔๒ มาใช้ ได้ทำการยื่นหนังสือ เรื่อง ขอเสนอให้พิจารณาเรื่องการจดทะเบียนฟาร์มสุกรให้เป็นภาคบังคับ ถึงคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ โดยผ่านนายสัตวแพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ประธานที่ประชุมในครั้งนี้
โดยเนื้อหาในหนังสือข้อเสนอได้กล่าวถึงปัญหาของอุตสาหกรรมสุกรไทย ที่มีจำนวนผู้เลี้ยงทั้งอุตสาหกรรมโดยประมาณ 195,000 ราย มีประมาณการผลผลิตในปีปัจจุบันประมาณ 20 ล้านตัว เป็นสัดส่วนผลผลิตจากผู้ประกอบการขนาดใหญ่ และผู้ประกอบการครบวงจรกว่าร้อยละ 80 ตามประมาณการจำนวนผู้ประกอบการที่ 200 ราย จำนวนฟาร์มที่เหลือประมาณ 194,800 ราย มีสัดส่วนผลผลิตเพียงประมาณร้อยละ 20 ในกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย
ขนาดผู้ประกอบการ |
จำนวนราย |
สัดส่วนร้อยละ |
ผลผลิตต่อปี (ล้านตัว) |
สัดส่วนร้อยละ |
รายเล็กและรายย่อย |
194,800 |
99.89 |
4.0 |
20 |
ฟาร์มใหญ่และครบวงจร |
200 |
0.11 |
16.0 |
80 |
|
195,000 |
|
20.0 |
|
ปัญหาผลผลิตล้นตลาดสร้างผลกระทบด้านราคาอย่างมากในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมยังไม่มีการรวบรวมผู้ประกอบการและขนาดการผลิต ทำให้ไม่สามารถบริหารจัดการจำนวนผลผลิตได้ สร้างความเสียหายทั้งอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมหาศาล สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศ ภาระหนี้สิน และผลขาดทุนทั้งอุตสาหกรรม
เพื่อให้การบริหารจัดการอุตสาหกรรมสุกรไทยมีประสิทธิภาพ จึงเสนอให้กรมปศุสัตว์ใช้อำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อออกกฎหมายรองหรือวิธีการใดๆ เพื่อให้การขึ้นทะเบียนฟาร์มสุกรเป็นภาคบังคับ ซึ่งจะก่อผลดีตามมา คือ
- ความครอบคลุมในการควบคุมโรคระบาด และการให้วัคซีนโรคที่จำเป็น เช่น โรคปากและเท้าเปื่อย
- ขยายผลด้านมาตรฐานการผลิต มาตรฐานฟาร์ม เพื่อคุณภาพการผลิตที่ดีและมีปริมาณพอเพียงต่อการบริโภคภายในประเทศและต่อยอดการตลาดต่างประเทศ
- สร้างเสถียรภาพราคาทั้งสุกรขุนและเนื้อสุกรให้อยู่ในระดับราคาที่เหมาะสมกับค่าครองชีพของประชาชน
- ประสิทธิภาพการควบคุมและจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมในแต่ละชุมชนจะดีขึ้น
- ควบคุมการขยายที่เกินกว่าปกติของผู้ประกอบการใดๆ ที่ต้องมีตลาดใหม่รองรับ ป้องการเข้าไปครอบงำตลาดระหว่างผู้เลี้ยงต่างพื้นที่
- ปกป้องและสร้างความมั่นคงทางอาชีพให้ผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย
ในการประชุมครั้งนี้นายสัตวแพทย์นพลิศ เสริมศักดิ์ศศิธร ที่ปรึกษาสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ได้กล่าวถึงสถานการณ์การค้าสุกรช่วงนี้ว่ากลับกลายเป็นพ่อค้าที่วิ่งหาสุกรขุน สภาวะการขาดทุนที่ยาวนานเกินรอบการผลิตทำให้สภาวะการลดการผลิตเป็นไปตามธรรมชาติและปรากฏชัดเจนในช่วงตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งได้รายงานสภาวะที่เริ่มพลิกผันในการประชุมคณะกรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งจากสภาวะดังกล่าวมีการลดจำนวนแม่พันธุ์โดยธรรมชาติ มีการขายปลดแม่พันธุ์เป็นจำนวนสูงมาก ส่งผลให้ทิศทางของราคาเป็นขาขึ้น หรือ Upward Trend อย่างชัดเจน
คุณนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติและนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรจังหวัดราชบุรี เป็นผู้หนึ่งที่ผลักดันให้มีการปรับโครงสร้างการคำนวณจากราคาสุกรขุน เป็น ราคาจำหน่ายปลีกเนื้อสุกร เพื่อสร้างความยุติธรรมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งผู้เลี้ยง ผู้ค้าเนื้อสุกร และผู้บริโภค
ในสัปดาห์หน้าพุธที่ 4 เมษายน 2561 ประธานในที่ประชุมได้กำหนดให้สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติจัดเตรียมเรื่องจัดหาข้อมูลค่าใช้จ่ายต่างๆ จนเป็นชิ้นส่วนเนื้อสุกรพร้อมจำหน่าย และเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่การแปรรูปจนเป็นชิ้นส่วนเนื้อสุกรเพื่อการจำหน่าย มาร่วมประชุมเพื่อหาข้อสรุปต่อไป