Muyuan Foods เลี้ยงหมูอย่างไร ให้รวยติดอันดับโลก

Muyuan Foods เลี้ยงหมูอย่างไร ให้รวยติดอันดับโลก

โดย ลงทุนแมน

          หลายคนคิดว่า การจะติดอันดับคนที่รวยสุดในโลกได้นั้น ต้องทำธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี อสังหาริมทรัพย์ หรือแบรนด์หรูแต่รู้ไหมว่า มีนักธุรกิจคนหนึ่งในประเทศจีน ติดอันดับรวยต้นๆ ของประเทศ ด้วยการทำธุรกิจเกี่ยวกับฟาร์มหมู ที่ชื่อว่า “Muyuan Foods” แล้วบริษัทนี้เลี้ยงหมูอย่างไร? ให้ประสบความสำเร็จ ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง ปัจจุบัน Muyuan Foods เป็นบริษัทที่มีอัตราการเติบโตสูง และเป็นที่น่าจับตาที่สุดในจีน

          โดยนิตยสาร Forbes ได้ประเมินว่า Qin Yinglin ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท Muyuan Foods ถูกจัดให้เป็นบุคคลที่มีมูลค่าทรัพย์สินเติบโตมากที่สุดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปี 2562 มีมูลค่าทรัพย์สิน 128,800 ล้านบาท ปี 2563 มีมูลค่าทรัพย์สิน 554,000 ล้านบาท ปัจจุบัน Qin Yinglin มีทรัพย์สินอยู่ที่ 826,600 ล้านบาท และรวยติดอันดับที่ 12 ของประเทศจีน เส้นทางของ Muyuan Foods กว่าที่จะประสบความสำเร็จ ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะได้ผ่านจุดเปลี่ยนมาหลายอย่างด้วยกัน โดยย้อนกลับไป ในปี 2535 Qin Yinglin เริ่มต้นธุรกิจกับ Qian Yunpeng ภรรยาของเขา ด้วยการเลี้ยงหมูในมณฑลเหอหนาน จำนวน 22 ตัวหลังจากทำธุรกิจได้ไม่นาน ก็ประสบกับปัญหาโรคระบาดในหมู ทำให้หมูล้มตายเป็นจำนวนมาก ประสบการณ์ครั้งนั้นได้ให้บทเรียนกับเขา เปลี่ยนจากคนเลี้ยงหมูธรรมดา เป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดในฟาร์มของตัวเองมากขึ้นพร้อมตั้งปณิธานกับตัวเองว่า หากเกิดการระบาดครั้งต่อไป ฟาร์มของเขาจะต้องพร้อมรับมือ และเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด หลังจากผ่านไป 8 ปี เขากับภรรยาได้จัดตั้งบริษัท Muyuan Farming ขึ้น ในปี 2543 โดยตั้งใจที่จะขยายธุรกิจสู่ฟาร์มหมูแบบครบวงจร เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดหมูที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก และลดความเสี่ยงของธุรกิจ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเพราะการทำฟาร์มหมูเพียงอย่างเดียว ถือว่ามีความเสี่ยงสูง จากราคาอาหารหมูที่มีความผันผวน และโรคระบาดของหมู

          ดังนั้น Muyuan Farming จึงเริ่มขยายธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ เริ่มตั้งแต่

  • การผลิตอาหารหมูเอง เพื่อลดต้นทุน
  • เพิ่มธุรกิจโรงเชือดหมู เพื่อให้สามารถควบคุม จัดการและคัดแยกเนื้อหมู ที่ได้มาตรฐานเอง
  • จัดตั้งบริษัทแผนกวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์หมู เพื่อสร้างสายพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมา โดยถือครองสิทธิบัตรหมูสายพันธุ์ดีนั้นไว้เอง
  • เข้าซื้อกิจการฟาร์มหมูทั่วประเทศ รวมถึงสร้างเครือข่าย Muyuan Farming ด้วยการชักชวนเกษตรกรให้มาเลี้ยงหมูสายพันธุ์ในเครือ

           หลังจาก Muyuan Farming เริ่มมีโมเดลธุรกิจที่ชัดเจน ในปี 2553 จึงได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Muyuan Foods และในที่สุดก็ได้เข้าตลาดหุ้น (SZSE) ในปี 2557 และสร้างการเติบโตเรื่อยมาธุรกิจดูเหมือนว่ากำลังไปได้ดี แต่ก็เกิดการแพร่ระบาดของโรค ASF ในสุกร ในปี 2562 ซึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ คือ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน Muyuan Foods ก็ยังคงสามารถจัดการในเรื่องการรักษาความสะอาดและความปลอดภัยทางชีวภาพได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีฟาร์มใดๆ ของบริษัทได้รับผลกระทบจากโรค ASF ในสุกร

PIC 4

          วิกฤตินี้ยิ่งทำให้ Muyuan Foods เติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะฟาร์มขนาดเล็ก ที่ไม่ได้มาตรฐาน ได้รับผลกระทบหนักจากโรคระบาด ธุรกิจโรงฆ่าสัตว์ที่ไม่ผ่านมาตรฐาน ถูกสั่งปิดเพื่อควบคุมโรค ซึ่งทำให้โรงฆ่าสัตว์ขนาดใหญ่ ได้ผลประโยชน์ไปเต็มๆ และการขาดแคลนเนื้อหมูของประเทศที่เกิดโรคระบาด ส่งผลให้ราคาเนื้อหมูเพิ่มขึ้นกว่า 50% รวมถึงการระบาดของโควิด 19 ก็ยิ่งทำให้ความต้องการเนื้อหมูเพิ่มขึ้นทั่วโลกดูเหมือนว่าการวางโมเดลธุรกิจ ที่เริ่มตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำของ Qin Yinglin ทำให้ Muyuan Foods กลายเป็นบริษัทฟาร์มหมูครบวงจร ที่มีอิทธิพลในตลาดโลกอย่างมาก

          ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา ภาพความสำเร็จของ Muyuan Foods ดูเหมือนจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะ Muyuan Foods ได้จดสิทธิบัตรหมูสายพันธุ์ดีถึง 436 สายพันธุ์ ผลิตอาหารหมูได้กว่า 5 ล้านตันต่อปี มีหมูในระบบทั้งหมด 7.2 ล้านตัว และส่งหมูเข้าโรงเชือดได้ 1 ล้านตัว ในปี 2560

PIC 5

          เท่านั้นยังไม่พอ Muyuan Foods ยังเตรียมสร้างฟาร์มสุกรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในเมืองหนานยาง มณฑลเหอหนาน มีแม่พันธุ์สุกร 84,000 ตัว โดยตั้งเป้าที่จะผลิตสุกรประมาณ 2.1 ล้านตัวต่อปี

          ปัจจุบัน Muyuan Foods มีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท ถ้าให้เทียบกับ CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ของประเทศไทยที่มีมูลค่า 2.5 แสนล้านบาท Muyuan Foods ก็จะใหญ่กว่าถึง 6 เท่าเลยทีเดียว

          จากปัจจัยความสำเร็จเหล่านี้  Qin Yinglin ได้รับการจัดอันดับจาก Forbes ว่าเป็นเกษตรกร (และเศรษฐี) ที่มีรายได้เติบโตเร็วที่สุดในโลก ในปี 2562 คือว่า 341% โดยในปัจจุบัน (ถึงกลางเดือนมกราคม 2564) เขามีรายได้รวมทั้งหมด 25.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือนับเป็นอันดับ 1 ของอาชีพเกษตรกรในจีน และเป็นเศรษฐีพันล้านอันดับที่ 43 ของโลก

          สรุปการขยายธุรกิจของ Muyuan Foods จะมีความคล้ายกับธุรกิจฟาร์มครบวงจรในประเทศไทย จุดเปลี่ยนแนวทางบริหารกิจการฟาร์ม คือ หลังประสบเหตุการณ์เกิดโรคระบาดครั้งแรกของฟาร์ม ทำให้ Muyuan Foodsเปลี่ยนจากคนเลี้ยงหมูธรรมดา เป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดในฟาร์มของตัวเองมากขึ้นพร้อมตั้งปณิธานกับตัวเองว่า หากเกิดการระบาดครั้งต่อไป ฟาร์มของเขาจะต้องพร้อมรับมือ และเกิดการสูญเสียน้อยที่สุด ซึ่งปัญหาโรคระบาดหมูถือว่าเป็นภารกิจหลักด้านความปลอดภัยทางชีวภาพในการทำธุรกิจฟาร์มสุกร นอกเหนือจากการบริหารต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะต้นทุนอาหารสัตว์ โดยการใช้ระบบการบริหารเชิงอัตโนมัติหรือ AI จะเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่สามารถเข้ามาแก้ปัญหาการควบคุมต้นทุนต่างๆ การดูลักษณะทางกายภาพของหมูที่บ่งชี้ปัญหาด้านสุขภาพที่จะกระทบการให้อาหาร การเติบโต และภูมิต้านทานต่างๆ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับรูปแบบของฟาร์มที่เป็นตัวอย่างของการประสบความสำเร็จไม่ว่าจะในหรือต่างประเทศก็ตาม

อ้างอิง :

  • https://www.forbes.com/profile/qin-yinglin/?sh=2be08a863653
  • https://www.businessinsider.com/billionaire-pig-farmer-qin-yinglin-worlds-fastest-growing-fortune-2019-12
  • http://www.genesus.com/the-global-mega-producers-muyuan-foods/
  • https://www.prachachat.net/world-news/news-369754
  • https://board.postjung.com/1256224
Visitors: 397,110