KICK OFF พรบ สุกรฯ เดินหน้าเชิญผู้รู้พิจารณารายมาตราภายใน 14 วันก่อนเข้าสู่กระบวนการขั้นต่อไป

KICK OFF พรบ สุกรฯ เดินหน้าเชิญผู้รู้พิจารณารายมาตราภายใน 14 วันก่อนเข้าสู่กระบวนการขั้นต่อไป

29 มิถุยายน 2561 ราชบุรี – ประธานสหกรณ์การเกษตรปศุสัตว์ราชบุรี จำกัด เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องในวงการสุกรไทยทั้งระบบพิจารณาเบื้องต้นรายมาตราหลังนำเสนอเจตนารมย์ พรบ.สุกรและเนื้อสุกร ในการประชุมสัญจรที่เชียงใหม่เมื่อต้นสัปดาห์

นายสัตวแพทย์วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และ ประธานสหกรณ์การเกษตรปศุสัตว์ราชบุรี จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของพระราชบัญญัติสุกรและเนื้อสุกรที่ร่างเสร็จตั้งแต่ธันวาคม 2560 แต่เนื่องจากปัญหาราคาสุกรตกต่ำหนักที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ยืนระยะยาวนานเกือบ 1 ปี จนถึงปัจจุบัน โดยช่วงธันวาคม 2560 เป็นช่วงที่ตกต่ำสูงสุดที่ 36-38 บาทต่อกิโลกรัม จากต้นทุนที่ 63 บาทต่อกิโลกรัม ทำให้หลายฝ่ายมุ่งไปที่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก

ในการประชุมสัญจรของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติที่เชียงใหม่เมื่อ 25 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมานายสัตวแพทย์วิวัฒน์เป็นผู้นำเสนอเจตนารมย์ร่างพระราชบัญญัติสุกรและเนื้อสุกรต่อที่ประชุมกรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ และผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ ณ ศูนย์การประชุมบริษัท วี.พี.เอฟ.กรุ๊ป จำกัด ซึ่งนายสัตวแพทย์วิวัฒน์ตั้งเป้าหมายต่อไป คือ จะมีการพิจารณารายมาตราที่มีกว่า 60 มาตราจาก 10 หมวด ให้แล้วเสร็จภายใน 14 วันนับตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป

โดยเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติสุกรและเนื้อสุกรในครั้งนี้ประกอบด้วย

  1. ให้อุตสาหกรรมสุกรเป็นเศรษฐกิจหลักหนึ่งของประเทศ ให้ภาครัฐรับรู้ใกล้ชิดมากขึ้น โดยกำหนดให้ฝ่ายบริหารภาครัฐเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการสุกรและเนื้อสุกรแห่งชาติ(มาตรา ๑๓) เพราะตลอดระยะเวลาแห่งการสูญเสียของการประสบปัญหาการขาดทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงในหลายๆ ครั้ง ภาครัฐยื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือน้อยมากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะการเกษตรปศุสัตว์เป็นเกษตรที่สามารถกำหนดการผลิตได้อย่างชัดเจน จากมาตรฐานการเลี้ยงของไทยที่มีมากขึ้นในปัจจุบัน

 

  1. ตั้งกองทุนสุกรและเนื้อสุกรเกี่ยวโยงกับงบประมาณแผ่นดิน โดยกองทุนหลักมาจากการเก็บเงินสมทบจากผู้เลี้ยง ผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก และผู้นำเข้า เพื่อนำมาใช้บริหารจัดการอุตสาหกรรมสุกรทั้งระบบ(มาตรา ๑๘) ให้มีดุลยภาพที่ไม่ส่งผลลบต่อราคา โดยเฉพาะราคาสุกรขุนหน้าฟาร์ม
  1. บัญญัติการห้ามนำเข้าอย่างชัดเจนเป็นข้อกฎหมาย โดยมีข้อยกเว้นกรณีมีเหตุจำเป็น(มาตรา ๒๗,๒๘ ) เพื่อบริหารจัดการสมดุลของตลาดถึงแม้บางส่วนจะต้องมีการนำเข้าตามความจำเป็น เช่น เครื่องในสุกร เช่น ตับสุกรเพื่อการจำหน่ายที่ผลผลิตในประเทศมีเพียงประมาณ 30,000 เมตริกตันต่อปี ไส้สุกรสำหรับอุตสาหกรรมไส้กรอก หนังสุกรสำหรับอุตสาหกรรมแคปหมูและเครื่องหนัง

 

  1. มีโครงสร้างการกำหนดราคาขั้นต้นราคาสุกรและเนื้อสุกรเพื่อสร้างความยุติธรรม ระหว่างผู้เลี้ยง ผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้ส่งออก และผู้บริโภค (มาตรา ๒๙(๕)) โดยเฉพาะราคาสุกรขุนหน้าฟาร์ม และ ราคาเนื้อสุกรที่เป็นเนื้อแดงพื้นฐาน เช่น ส่วนสะโพก ส่วนหัวไหล่ โดยจะไม่ครอบคลุมไปถึงส่วนเนื้อตัดแต่งและสินค้าระดับพรีเมียมที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางเลือกของผู้บริโภค

  2. มีบัญญัติการกำหนดปริมาณการผลิตตามประมาณการความต้องการการบริโภค ความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศอย่างชัดเจน มีการจัดสัดส่วนการเพิ่มการผลิตอย่างเป็นธรรมตามฐานของปริมาณการผลิตตั้งต้น เพื่อป้องกันการครอบครองตลาดเกินควร เว้นแต่มีการสร้างตลาดใหม่ที่ไม่ได้ไปครอบงำตลาดเดิมของผู้เลี้ยงสุกรด้วยกัน(มาตรา ๒๙(๓)) โดยคณะกรรมการสุกรและเนื้อสุกรจะนำข้อมูลความต้องการบริโภค ตลาดแปรรูป ตลาดส่งออก มาเป็นตัวตั้งที่นำมากำหนดปริมาณการผลิตในแต่ละปี
  1. บัญญัติให้มีการขึ้นทะเบียนฟาร์ม ขึ้นทะเบียนกลุ่มผู้เลี้ยงต่อคณะกรรมการเพื่อง่ายต่อการวางแผนการผลิตในแต่ละปี(มาตรา ๒๕) โดยมีบทบัญญัติการให้เป็นสมาชิกรวมกลุ่มที่มีสภาพทางกฎหมาย เช่น กลุ่มสหกรณ์การเกษตร เพื่อบริหารจัดการเพื่อการต่อยอดในลักษณะเดียวกับบริษัทการเกษตรครบวงจรทั่วไป เพื่อกระจายความเสี่ยงอย่างบูรณาการ

 

  1. ให้อำนาจหน้าที่กับพนักงานเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสุกรและเนื้อสุกรที่เป็นหน่วยงานของรัฐเข้าตรวจสอบฟาร์มสุกรต้องสงสัยว่าฝ่าฝืนข้อกำหนดได้ (มาตรา ๕๐(๑)(๒)) เช่น มีจำนวนแม่พันธุ์ สุกรขุน มากกว่าที่รายงานจำนวนประชากรสุกรต่อคณะกรรมการ

  2. บัญญัติบทลงโทษทางอาญาในกรณีที่ผู้เลี้ยง ผู้ค้า ผู้แปรรูป ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดของคณะกรรมการฯ (มาตรา ๖๐ ถึง ๖๔)

  3. มีการตั้งสำนักงานคณะกรรมการกองทุนสุกรและเนื้อสุกร ที่มีการบัญชี การตรวจสอบและการประเมินการดำเนินงานของสำนักงาน (มาตรา ๓๙)

  4. ผู้เลี้ยงสุกรทั้งประเทศมีส่วนร่วมในการเข้ามาเป็นตัวแทนกรรมการที่มีทั้ง 3 คณะกรรมการ 1) คณะกรรมการสุกรและเนื้อสุกรแห่งชาติ (มาตรา ๘) 2) คณะกรรมการกองทุนสุกรและเนื้อสุกร (มาตรา ๑๙) 3) คณะกรรมการควบคุมคุณภาพและกำหนดราคาสุกรและเนื้อสุกร (มาตรา ๒๙)

 

ขั้นตอนการพิจารณา

  1. คณะกรรมการสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ
  2. สภาเกษตรกรแห่งชาติ หรือ กรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
  3. คณะรัฐมนตรี
  4. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)
  5. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (ประกาศใช้)

ผู้ที่มีส่วนในวงการสุกรทุกขนาดทุกกลุ่มสามารถเสนอตัวเข้าร่วมเป็นกรรมการพิจารณารายมาตราเบื้องต้น สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ โทร.02-136-4797
อีเมล์ swinethailand@yahoo.com

 

 

Visitors: 397,126