สหภาพยุโรปเตรียมถอนตัวเจรจาหุ้นส่วนการค้า Trans-Atlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) กับสหรัฐเพราะโดนเอาเปรียบ

สหภาพยุโรปเตรียมถอนตัวเจรจาหุ้นส่วนการค้า Trans-Atlantic Trade and Investment Partnership (TTIP) กับสหรัฐเพราะโดนเอาเปรียบ

31 สิงหาคม 2559 นายมัทเทียส เฟคล์ รมว.กระทรวงการค้าของฝรั่งเศส ให้สัมภาษณ์ ว่าที่ประชุมของคณะรัฐมนตรีฝรั่งเศสเห็นพ้องกันว่า ไม่ขอสนับสนุนการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนข้ามแอตแลนติก ( ทีทีไอพี ) ระหว่างสหภาพยุโรป ( อียู ) กับสหรัฐ และจะเสนอให้ทางสหภาพยุติการหารือเรื่องนี้ร่วมกับรัฐบาลสหรัฐในการประชุมอียูครั้งต่อไป ที่กรุงบราติสลาวา เมืองหลวงของสโลวาเกีย ในเดือนก.ย. นี้

     โดยให้เหตุผลว่า ฝรั่งเศสมองการเจรจาทีทีไอพีที่ดำเนินมาตั้งแต่เดือนก.พ. 2556 แทบไม่มีความคืบหน้าอย่างสร้างสรรค์ และข้อเสนอของสหรัฐส่วนใหญ่หากวิเคราะห์โดยละเอียดพบว่าเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ ของฝ่ายอเมริกาแทบทั้งสิ้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องหารือร่วมกันในเรื่องนี้อีก คำกล่าวของเฟคล์สอดคล้องกับท่าทีของนายกรัฐมนตรีมานูเอล วาลส์ ซึ่งกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า เป็นไปได้ยากมากที่ทั้งสองฝ่ายจะสามารถบรรลุข้อตกลงทีทีไอพีร่วมกันได้ภายในสิ้นปีนี้ และประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ เคยกล่าวก่อนหน้านั้นด้วยว่า อาจใช้สิทธิ์วีโต้ข้อตกลงดังกล่าว    ทางด้านนายซิกมาร์ กาเบรียล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ว่าการเจรจาทีทีไอพีซึ่งเป็นข้อตกลงการค้าเสรี ( เอฟทีเอ ) ข้ามทวีประหว่างยุโรปกับอเมริกา ล้มเหลวในทางเทคนิค เนื่องจากอียูไม่สามารถรับเงื่อนไขของรัฐบาลสหรัฐได้ในหลายประเด็น ท้ายที่สุดแล้วก็จะเห็นได้ว่าอียู เริ่มรู้ตัวแล้วว่า สหรัฐ นั้นเป็นประเทศที่เห็นแก่ตัว ซึ่งไม่ว่ากระทำการใดก็ตาม ก็จะมองแต่ประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก ซึ่งแน่นอนว่าหาก อียู ถอนตัวจากการเจรจาครั้งนี้ คงทำให้สภาพเศรษฐกิจของอเมริกาสั่นคลอนอีกครั้ง ส่วนคนไทยจำนวนหนึ่งที่ยังมองว่า สหรัฐเป็นพระเจ้า ก็ขอให้คิดกันเสียใหม่ เพราะสหรัฐ มันก็แค่ซาตาน ในคราบนักบุญก็เท่านั้นเอง          กรณีการเจรจาที่เกิดกับ TTIP หรือ FTA US-EU ของสหรัฐอเมริกากับสหภาพยุโรปหรือ Trans-Atlantic Trade and Investment Partnership Agreement เรื่องการเข้าไปแก้ไขเกณฑ์ต่างๆ ให้เข้าทางสหรัฐอเมริกา หรือขอให้มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ลงก็น่าจะเกิดกับ Trans-Pacific Partnership หรือ TPP เช่น

  • US ขอ EU ให้ Approve การชำระล้างเนื้อสุกรด้วย Lactic Acid เช่นเดียวกับเนื้อวัว
  • US ขอ EU ยกเลิกการห้ามใช้ Antibiotic กลุ่ม Growth Promoter
  • US ขอ EU ยกเลิกการห้ามใช้ Ractopamine
  • US ขอ EU ให้ยอมรับพืช GMO
  • US ขอ EU ยกเลิกข้อจำกัดการให้ใช้ by products (เครื่องใน) สำหรับผลิตอาหารสัตว์(Feed) และอาหารสัตว์เลี้ยง(Pet)
  • US ขอ EU ลดข้อจำกัดการยอมรับผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์และนมจากสัตว์โคลนนิ่ง
  • US ของ EU ผ่อนคลายมาตรการสวัสดิภาพสัตว์ (Animal Welfare)
  • US ขอ EU ยกเลิกอากร Artificially Cheap Pork ออก
  • US ขอ EU พิจารณาผ่อนคลายกฎที่เข้มงวดลงของ Food Safety Standard ลง
  • US ขอ EU ให้ใช้กฎเกณฑ์อาหารปลอดภัยตามกฎ WTOจะเห็นว่าถ้า US เสียเปรียบจะขอให้คู่เจรจาลดมาตรฐาน แต่ถ้าได้เปรียบอย่าง TPP ก็จะยกระดับมาตรฐานที่สูงกว่ากฎของ GATT และ WTO เพื่อสร้างความได้เปรียบของตัวเองกับภาคีสมาชิก

          นี่แหละคือทั้งหมดที่สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติติดตามและต้องต่อต้าน Trans-Pacific Partnershipจนถึงที่สุด ไม่ใช่เพื่อประโยชน์กับวงการสุกรบ้านเราเท่านั้น ยังโยงกลุ่มเกษตรพืชอาหารสัตว์ และที่เกี่ยวข้องสาระพัดเป็นจำนวนมหาศาล

          สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติขอแนะนำให้ตรวจสอบมาตรฐาน TPP เทียบกับ GATT และ WTO กรณีที่ TPP ตั้งมาตรฐานสูงกว่า WTO หรือ GATT ให้มองภาพต่อไปว่าจะเป็นอุปสรรคในทางการค้าในอนาคตหรือไม่ เพราะเป็นการวางหมากเพื่อกีดกันในอนาคต เพราะชนชั้นกลางในสหรัฐต้าน TPP เช่นกัน ซึ่งสหรัฐอเมริกาน่าจะใช้มาตรการเหล่านี้ปกป้องอุตสาหกรรมกลุ่มต่างๆ ของตัวเองที่เป็นรองด้าน Labor Intensive กับประเทศแถบเอเชีย โดยเรื่องเหล่านี้ถ้าได้ตรวจสอบและเห็นความไม่ยุติธรรมจากประเทศพัฒนา NGO ในกลุ่มปศุสัตว์และเกษตรของไทย แนะนำให้ยื่นเรื่องร้อง WTO ได้เพื่อล้มมหันตภัย Trans-Pacific Strategic Economic Partnership Agreement นี้ลงไปเลย

Visitors: 396,998