ประสบการณ์ 10 อันดับยอดแย่ในการจัดการกับ ASF ในประเทศจีน

ประสบการณ์ 10 อันดับยอดแย่ในการจัดการกับASF ในประเทศจีน
โดย​VPG เครือเวทโปรดักส์

         ประสบการณ์จากการดำเนินธุรกิจในประเทศจีนของเครือเวทโปรดักส์ ได้มีการเก็บข้อมูลและพิสูจน์มาหลายเรื่อง เราก็เอามาพิจารณา ลองไล่ดูเลยครับ

  • อันดับ 10 โรงเรือนเปิด โอกาสรอด … ยาก

ฟาร์มที่เป็นระบบเปิด ควบคุมเรื่องของคนและสัตว์พาหะได้ยาก ล้วนเป็นปัจจัยที่นำพาตัวเชื้อ ASF ให้แพร่ระบาด ในวงกว้าง ดังนั้นฟาร์มในอนาคต ต้องเป็นโรงเรือนปิดเท่านั้น

  • อันดับ 9 ฟาร์มที่ไม่มีห้องแลบ ไม่มีเครื่อง PCR เลิกเลี้ยงไปเถอะ

ในการจัดการ ASF แบบที่ไม่มีวัคซีนป้องกัน หลีกเลี่ยงไม่ได้กับคำว่า "รู้เร็ว จัดการไว" เพราะฉะนั้น เครื่อง PCR จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะทำให้เรารู้เร็ว เพื่อจัดการกับโรคให้ไว PCR และแลบตรวจโรค จึงเปรียบเสมือนยาสามัญประจำฟาร์ม ที่ทุกฟาร์มต้องมี

  • อันดับ 8 ฟาร์มที่ไม่มี Biosecurity ที่ดี และ SOP หรือมาตรฐานการปฏิบัติงาน ก็อยู่ไม่ได้

SOP ณ ปัจจุบัน ฟาร์มควรจะมี 3 ระยะ คือ SOP ก่อนโรคเข้า, SOP ช่วงที่มีโรคระบาด และ SOP หลังโรคเข้าเพื่อการกลับมาเลี้ยงใหม่ หรือ Reborn นั่นเอง การมี SOP นั้น ทุกคน ทุกระดับในฟาร์มจะต้องทำความเข้าใจร่วมกัน และต้องมีการซักซ้อมอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะเกิดผลสำเร็จ

  • อันดับ 7 การตัดสินใจในการเลือกรูปแบบการ Depopulation ของฝูง ในกรณีที่เกิดโรค ไม่เหมาะสม

จีนในยุคแรก ๆ ที่เกิดโรคระบาด ASF เลือกใช้วิธีการ Total Depopulation เนื่องจากยังไม่ทราบวิธีการบริหารจัดการกับ ASF ผลที่เกิดตามมา คือ ปริมาณหมูหายไปจากระบบ 50-70% ก่อความเสียหายร้ายแรงทางด้าน Food Security จากวันนั้นถึงวันนี้ ทางจีนเองเลือกใช้ Partial Depopulation เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว แต่ต้องปรึกษาผู้รู้ในการปฏิบัติอย่างถูกวิธีตามหลักของ SOP

  • อันดับ 6 การใช้น้ำผิวดินจากระบบชลประทานเข้ามาในฟาร์ม เหมือนฆ่าตัวตายชัด ๆ

หลายฟาร์ม จำเป็นต้องใช้น้ำผิวดิน ซึ่งมาจากระบบชลประทานจากภายนอกเข้ามาในฟาร์ม มีความเสี่ยงสูงที่จะนำพาการปนเปื้อนเชื้อจากภายนอกเข้ามายังฟาร์ม หากไม่มีระบบการกรองน้ำให้ปราศจากเชื้อโรคก่อน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโรคในพื้นที่ค่อนข้างรุนแรง ซึ่งเรามักจะพบการทิ้งซากสุกรที่ตายในพื้นดิน และแหล่งน้ำทั่วไป

  • อันดับ 5 การปล่อยให้มีรถจับหมู รถขนวัตถุดิบอาหารสัตว์วิ่งเข้าไปในฟาร์ม

เป็นจุดเสี่ยงที่สำคัญที่สุด และนำเชื้อเข้าฟาร์มได้ง่ายที่สุด จากการที่มีการอนุญาตให้รถที่มาจากภายนอก ไม่ว่าจะเป็นรถขนหมู รถขนวัตถุดิบอาหาร รถขนอาหาร หรืออื่น ๆ วิ่งเข้ามาในฟาร์ม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่มีระบบการป้องกันใด ๆ เช่น การล้างทำความสะอาดรถ การอบฆ่าเชื้อรถยนต์ รวมทั้งการตรวจหาเชื้อจากคนขับและรถ เป็นต้น

  • อันดับ 4 การที่ไม่สามารถควบคุมคนในฟาร์ม และยังปล่อยให้มีการเข้า-ออกฟาร์มได้ตามปกติอย่างง่ายดาย

การที่ไม่มีระบบกักตัวก่อนเข้าฟาร์ม ไม่มีระบบการอาบน้ำ ไม่มีระบบการตรวจหาเชื้อก่อนเข้าฟาร์ม ล้วนเป็นจุดบอดที่สำคัญ การที่ให้บุคคลเข้า-ออกได้ตามปกติ รวมถึงภายในฟาร์มก็มีการเคลื่อนย้ายคนอย่างอิสระ ทำให้การแพร่กระจายของเชื้อรวดเร็วและควบคุมยาก

  • อันดับ 3 การปูพรมวัคซีน เนื่องจากความเคยชินเดิม ๆ นำมาซึ่งความเสียหายใหญ่หลวง

การปูพรมวัคซีนเพราะเข้าใจว่าเป็นโรคที่ระบาดในฟาร์มทั่วไปเหมือนที่เคยเกิด ขาดความเข้าใจ ที่ถูกต้อง หากว่าต้นเหตุมาจาก ASF นั่นหมายถึงการช่วยแพร่กระจายเชื้ออย่างรวดเร็ว ทั้งไปกับคน และที่สำคัญ ไปกับเข็มฉีดยาที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนเข็ม นำมาซึ่งความเสียหาย 100% ภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์

  • อันดับ 2 การใช้วัคซีน ASF ที่ไม่ได้รับการรับรอง หรือไม่มีทะเบียน ในฟาร์ม

ในจีน เป็นที่ทราบกันดีว่า หลายฟาร์มที่ตัดสินใจ ใช้วัคซีน ASF ส่วนใหญ่เกือบ 100% ไม่รอด และมีโอกาสก่อความเสียหายในวงกว้างด้วย เพราะทำให้เชื้อเกิดการกลายพันธุ์ หากฟาร์มจะตัดสินใจใช้ หรือทดลองวัคซีน ควรคิดให้ดี ต้องมีผลรับรองอย่างชัดเจนก่อนที่จะนำมาใช้

  • อันดับ 1 การใช้ ASF Autogenous Vaccine ในฟาร์มก็เหมือนโยนระเบิดนิวเคลียร์เข้าฟาร์มตัวเอง

มีการทดลองในเมืองจีนหลายฟาร์มที่ทำ Autogenous Vaccine ของ ASF ก่อความเสียหาย 100% และยังไม่มีฟาร์มไหนประสบความสำเร็จ ถึงแม้ว่าจะเป็นวัคซีนเชื้อตาย แต่ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเชื้อได้ถูกทำให้เป็นเชื้อตายอย่างปลอดภัย 100% หรือหากเป็นเชื้อตายจริง ๆ ณ ปัจจุบันหลายงานวิจัยก็ยืนยันว่าไม่ได้ผล สำคัญที่สุดก็คือทำให้เราชะล่าใจในการที่จะจัดการป้องกันโรคอย่างถูกวิธี ทำให้โรคเข้าฟาร์ม และเสียหายในที่สุด

          เป็นประสบการณ์จริงที่จีน มาเล่าสู่กันฟังครับ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม : ปรึกษาเครือเวทโปรดักส์

 

Visitors: 398,147