สถานการณ์สินค้าสุกรและแนวโน้ม ปี 2568
สถานการณ์สุกรปี 2568 และแนวโน้มปี 2569
สถานการณ์ปี 2568
1.1 ของโลก
1.1.1 การผลิต
ปี 2564 - 2568 การผลิตเนื้อสุกรของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.73 ต่อปี โดยปี 2568 การผลิตเนื้อสุกรของโลกมีปริมาณรวม 116.680 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 116.446 ล้านตัน ของปี 2567 ร้อยละ 0.20 ประเทศจีนมีการผลิตสุกรมากที่สุด ปริมาณ 57.000 ล้านตัน รองลงมา ได้แก่ สหภาพยุโรป 21.050 ล้านตัน สหรัฐอเมริกา 12.742 ล้านตัน และบราซิล 4.600 ล้านตัน โดยสหรัฐอเมริกา และบราซิลมีการผลิตเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 1.03 และร้อยละ 2.22 ตามลำดับ ขณะที่จีน และสหภาพยุโรป มีการผลิตลดลงร้อยละ 0.11 และร้อยละ 0.94 ตามลำดับ


1.1.2 การตลาด
(1) ความต้องการบริโภค
ปี 2564 - 2568 ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรของโลกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.68 ต่อปี โดยปี 2568 การบริโภคเนื้อสุกรของโลกมีปริมาณรวม 115.641 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 115.096 ล้านตันของปี 2567 ร้อยละ 0.47 ประเทศจีนมีการบริโภคเนื้อสุกรมากที่สุด ปริมาณ 58.200 ล้านตัน รองลงมา ได้แก่สหภาพยุโรป 18.250 ล้านตัน สหรัฐอเมริกา 10.093 ล้านตัน และรัสเซีย 4.143 ล้านตัน โดยจีน และสหภาพยุโรปมีความต้องการบริโภคลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 0.12 และร้อยละ 0.47 ตามลำดับ ในขณะที่สหรัฐอเมริกา และรัสเซีย มีการบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.72 และร้อยละ 1.10 ตามลำดับ
(2) การส่งออก
ปี 2564 - 2568 การส่งออกเนื้อสุกรของโลกมีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 4.19 ต่อปีโดยปี 2568 การส่งออกเนื้อสุกรมีปริมาณรวม 10.174 ล้านตัน ลดลงจากปริมาณ 10.317 ล้านตัน ของปี 2567 ร้อยละ 1.39 สหรัฐอเมริกามีการส่งออกเนื้อสุกรมากที่ สุด ปริมาณ 3.155 ล้านตัน รองลงมา ได้แก่ สหภาพยุโรป 2.900 ล้านตัน และบราซิล 1.600 ล้านตัน โดยสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรป มีการส่งออกลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 2.23 และร้อยละ 3.78 ตามลำดับ ขณะที่ บราซิล มีการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.51
(3) การนำเข้า
ปี 2564 - 2568 การนำเข้าเนื้อสุกรของโลกมีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 5.39 ต่อปีโดยปี 2568 การนำเข้าเนื้อสุกรมีปริมาณรวม 9.088 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 8.998 ล้านตัน ของปี 2567 ร้อยละ 1.00 ประเทศเม็กซิโกมีการนำเข้าเนื้อสุกรมากที่สุด ปริมาณ 1.500 ล้านตัน รองลงมา ญี่ปุ่น ได้แก่ 1.460 ล้านตัน และจีน 1.300 ล้านตัน โดยเม็กซิโกมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ร้อยละ 2.04 ขณะที่ญี่ปุ่น และจีน มีการนำเข้าลดลงจากปี 2567 ร้อยละ 1.82 และร้อยละ 0.46 ตามลำดับ
1.2 ของไทย
1.2.1 การผลิต
ปี 2564 - 2568 การผลิตสุกรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 8.30 ต่อปี โดยปี 2568 มีปริมาณการผลิตสุกร 23.584 ล้านตัว เพิ่มขึ้นจาก 23.457 ล้านตัว ของปี 2567 ร้อยละ 0.54 เนื่องจากการฟื้นตัวของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever: ASF) ฟาร์มเลี้ยงสุกรสามารถปรับตัวในการทำระบบการเลี้ยงสัตว์ให้มีความปลอดภัยทางชีวภาพ ทำให้ปริะสิทธิภาพของแม่พันธุ์สุกรปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนสุกรขุนออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น
1.2.2 การตลาด
(1) ความต้องการบริโภค
ปี 2564 - 2568 ความต้องการบริโภคเนื้อสุกร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 9.36 ต่อปีซึ่งสุกรที่ผลิตได้ใช้บริโภคภายในประเทศเป็นหลัก โดยปี 2568 มีการบริโภคสุกรปริมาณ 1,736 พันตัน ลดลงจากปริมาณ 1,737 พันตัน ของปี 2567 ร้อยละ 0.03
(2) การส่งออก
ปี 2564 - 2568 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกสุกรพันธุ์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 25.02 และร้อยละ 9.34 ต่อปี ตามลำดับ โดยปี 2568 มีการส่งออกสุกรพันธุ์ปริมาณ 170,000 ตัว มูลค่า 1,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปริมาณ 81,627 ตัว มูลค่า 478 ล้านบาท ของปี 2567 ร้อยละ 108.26 และร้อยละ 109.25 ตามลำดับ
ปี 2564 - 2568 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกสุกรมีชีวิตอื่น ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 42.06 และร้อยละ 27.08 ต่อปี ตามลำดับ โดยปี 2568 มีการส่งออกสุกรมีชีวิตปริมาณ 180,000 ตััวมูลค่า 800 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 121,677 ตัว มูลค่า 564 ล้านบาท ของปี 2567 คิดเป็นร้อยละ 47.93 และร้อยละ 41.88 ตามลำดับ
ปี 2564 - 2568 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง มีแนวโน้มลดลงในอัตรา ร้อยละ 24.35 และร้อยละ 28.60 ต่อปี ตามลำดับ โดยปี 2568 มีการส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง ปริมาณ 2,400 ตััน มูลค่า 275 ล้านบาท ปริมาณลดลงจาก 2,527 ตัน ของปี 2567 ร้อยละ 5.04 ขณะที่มูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 255 ล้านบาท ร้อยละ 7.94 โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ฮ่องกง เมียนมา และ สปป.ลาว
ปี 2564 - 2568 ปริมาณและมูลค่าการส่งออกเนื้อสุกรแปรรูป มีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 6.45 และร้อยละ 5.21 ต่อปี ตามลำดับ โดยปี 2568 มีการส่งออกเนื้อสุกรแปรรูปปริมาณ 4,000 ตันมูลค่า 940 ล้านบาท ลดลงจากปริมาณ 4,632 ตัน มูลค่า 1,057 ล้านบาท ของปี 2567 ร้อยละ 13.64 และร้อยละ 11.05 ตามลำดับ โดยตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น กัมพูชา ฮ่องกง และ สปป. ลาวโดยปริมาณการส่งออกในภาพรวมเพิ่มขึ้น เป็นผลจากความเข้มงวดด้านระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ ทำให้ผลิตภัณฑ์สุกรไทยมีคุณภาพเป็นที่ยอมรับของประเทศคู่ค้า
(3) การนำเข้า
ปี 2564 - 2568 ปริมาณการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร มีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 0.44 ต่อปี ขณะที่ มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.32 ต่อปี โดยปี 2568 มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรปริมาณ 320 ตัน มูลค่า 115 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 274 ตัน มูลค่า 97 ล้านบาท ของปี 2567 ร้อยละ 16.60 และร้อยละ 17.44 ตามลำดับ โดยนำเข้าจากประเทศในสหภาพยุโรป ได้แก่ สเปน ฝรั่งเศส และเดนมาร์ก
ปี 2564 - 2568 ปริมาณและมูลค่าการนำเข้าส่วนอื่น ๆ ที่บริโภคได้ของสุกร (หนัง ตับ และเครื่องในอื่น ๆ) มีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 19.11 และร้อยละ 23.72 ต่อปี ตามลำดับ โดยปี 2568 มีการนำเข้าส่วนอื่น ๆ ที่บริโภคได้ของสุกร ปริมาณ 15,000 ตัน มูลค่า 245 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปริมาณ 11,031 ตัน มูลค่า 161 ล้านบาท ของปี 2567 ร้อยละ 35.97 และร้อยละ 51.88 ตามลำดับ โดยนำเข้าจากประเทศสเปน
(4) ราคา
1) ราคาที่เกษตรกรขายได้
ปี 2564 - 2568 ราคาที่เกษตรกรขายได้ มีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 3.25 ต่อปีโดยปี 2568 ราคาสุกรที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 74.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 68.90 บาท ของปี 2567 ร้อยละ 8.12 เนื่องจากผลผลิตออกสู่ตลาดสอคคล้องกับความต้องการบริโภค รวมทั้งมีการปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสุกรผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับผลจากการดำเนินมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร โดยการผลักดันการส่งออกของคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร
2) ราคาส่งออก
ปี 2564 - 2568 ราคาส่งออกเนื้อสุกร สุกรแช่เย็นแช่แข็ง มีแนวโน้มลดลงในอัตราร้อยละ 5.60 ต่อปี ขณะที่ราคาส่งออกเนื้อสุกรแปรรูปเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 1.33 ต่อปี โดยปี 2568 ราคาส่งออกเนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็งและเนื้อสุกรแปรรูป เฉลี่ยกิโลกรัมละ 114.60 บาท และ 235.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 101.02 บาท และ 228.43 ของปี 2567 ร้อยละ 13.45 และร้อยละ 2.87 ตามลำดับ
3) ราคานำเข้า
ปี 2564 - 2568 ราคานำเข้าเนื้อสุกรแปรรูป (ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร) และตับสุกร มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 5.76 และร้อย 0.83 ต่อปี ตามลำดับ ขณะที่ส่วนอื่น ๆ ที่บริโภคได้ของสุกรลดลงในอัตราร้อยละ 5.75 ต่อปี โดยปี 2568 ราคานำเข้าเนื้อสุกรแปรรูป (ผลิตภัณฑ์เนื้อสุกร) ส่วนอื่น ๆ ที่บริโภคได้ของสุกรและตับสุกร เฉลี่ยกิโลกรัมละ 357.50 บาท 16.30 บาท และ 24.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 355.26 บาท 14.62 บาท และ 21.03 บาท ของปี 2567 ร้อยละ 0.63 ร้อยละ 11.53 และร้อยละ 14.11 ตามลำดับ
2. แนวโน้ม ปี 2569
2.1 ของโลก
2.1.1 การผลิต
ปี 2569 คาดว่าการผลิตเนื้อสุกรของโลกจะมีแนวโน้มใกล้เคียงกับปี 2568 โดยคิดว่าประเทศจีนจะมีการผลิตมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา

2.1.2 การตลาด
(1) ความต้องการบริโภค
ปี 2569 คาดว่าความต้องการบริโภคเนื้อสุกรของโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 2568 โดยคาดว่าประเทศจีน จะมีการบริโภคมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ สหภาพยุโรป และสหรัฐอเมริกา
(2) การส่งออก
ปี 2569 คาดว่าการส่งออกเนื้อสุกรของโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2568 โดยคาดว่าสหรัฐอเมริกา จะมีการส่งออกมากที่สุด รองลงมา ได้แก่ สหภาพยุโรป และบราซิล
(3) การนำเข้้า
ปี 2569 คาดว่าการนำเข้าเนื้อสุกรของโลกจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2568 โดยประเทศเม็กซิโกจีน และญี่ปุ่น ยังคงเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญ
2.2 ของไทย
2.2.1 การผลิต
ปี 2569 คาดว่าการผลิตสุกรมีปริมาณ 23.642 ล้านตัว เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2568 ร้อยละ 0.25 เนื่องจากประสิทธิภาพของแม่พันธุ์สุกรที่สูงขึ้น ขณะที่เกษตรกรยังคงรักษาระดับการผลิตจากภาวะต้นทุนที่อยู่ในเกณฑ์สูง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตสุกรในภาพรวมเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
2.2.2 การตลาด
(1) ความต้องการบริโภค
ปี 2569 คาดว่าการบริโภคสุกรมีจะมีแนวโน้มใกล้เคิยงกับปี 2568 โดยผลผลิตออกสู่ตลาดสอดรับกับความต้องการบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ
(2) การส่งออก
ปี 2569 คาดว่าการส่งออกสุกรมีชีวิต เนื้อสุกรแช่เย็นแช่แข็ง และเนื้อสุกรแปรรูปจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปี 2568 เนื่องจากประเทศคู่ค้ามีความเชื่อมั่นในมาตรฐานสินค้าปศุสัตว์ของไทย
(3) การนำเข้้า
ปี 2569 คาดว่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์เนื้อสุกรและส่วนอื่น ๆ ที่บริโภคได้ของสุกร (หนัง ตับและเครื่องในอื่น ๆ) จะใกล้เคียงกับปี 2568
(4) ราคา
ปี 2569 คาดว่าราคาสุกรที่เกษตรกรขายได้จะใกล้เคียงกับปี 2568 โดยเนื้อสุกรเป็นสินค้าที่มีมาตรการควบคุมราคา ทำให้ราคาอาจปรับเพิ่มไม่มากนัก
2.3 ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการผลิตหรือการส่งออก
2.3.1 ภาวะโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ยังคงมีอยู่ในประเทศผู้ผลิตของภูมิภาคเอเชีย และสหภาพยุโรป ทำให้การผลิตในหลายประเทศผันผวน จึงเป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าสุกรแปรรูปของไทย
2.3.2 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ตลอดจนความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน สถาบันเกษตรกรในการส่งเสริมการบริโภค เป็นปัจจัยบวกส่งผลให้ความต้องการสุกรในประเทศเพิ่มขึ้น
2.3.3 ต้นทุนการผลิตยังคงอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะค่าอาหารสัตว์ ค่าพลังงาน และค่าใช้จ่ายด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ อาจส่งผลต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถด้านการแข่งขันในตลาดโลก







