หมูอีสานตลอดห่วงโซ่ร่วมระดมความเห็น หวังสร้างเศรษฐกิจแบ่งปันวงการสุกรอีสาน เป็นต้นแบบทั้ง 6 ภูมิภาค

หมูอีสานตลอดห่วงโซ่ร่วมระดมความเห็น หวังสร้างเศรษฐกิจแบ่งปันวงการสุกรอีสาน เป็นต้นแบบทั้ง 6 ภูมิภาค

 21 พฤษภาคม 2562 ขอนแก่น – รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ขึ้นอีสานเปิดการประชุมระดมสมอง ต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ หวังภาครัฐเอกชนร่วมดันพื้นที่บริหารจัดการตัวเอง และดัน Cluster สร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับภูมิภาค

นายสัตวแพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นประธานที่ประชุมร่วมด้วยแนวคิดการบริหารจัดการสุกร 6 ภาค ที่สืบเนื่องมาจากนโยบายที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ โดยการสานรับของกรมปศุสัตว์ ได้ดำเนินการประชุมเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานในรายภาค ส่งเสริมการผลิตและจำหน่าย ลดต้นทุนค่าขนส่ง รวมทั้งสร้างสมดุลให้กับกลไกการตลาดโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในพื้นที่ โดยใช้หลัก public-private-partnership ซึ่งเป็นขั้นตอนของสำรวจและระดมความเห็นกับผู้ที่เกี่ยวข้องตลอดห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมสุกรในระดับภาค

ทั้งนี้ได้มีการแบ่งกลุ่มเพื่อหาจุดแข็งที่ควรส่งเสริม และจุดอ่อนของกลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรและผู้ประกอบการ เมื่อทราบปัญหาในระดับท้องที่ กรมปศุสัตว์จะสามารถดำเนินการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวข้องได้ตรงจุด

รองอธิบดีได้เน้นย้ำให้ดำเนินงานภายในกลุ่มอย่างเข้มแข็ง และมีกองทุนเพื่อบริหารจัดการภายในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยได้แนะนำแนวทางของกองทุนพัฒนาธุรกิจสุกรไทย ที่ได้มีการนำเสนอในที่ประชุมกรมปศุสัตว์แล้วโดยสมาคมพัฒนาธุรกิจสุกรไทย โดยนายสัตว์แพทย์นพลิศ เสริมศักดิ์ศศิธร นายกสมาคมพัฒนาธุรกิจสุกรไทย มาปรับใช้เป็นรายภูมิภาคซึ่งจะมีความคล่องตัวขึ้น จะทำให้เกิดความคล่องตัวในการจัดการ Demand Supply การผลิตและการตลาด โดยสามารถกันไว้กรณีมีการชดเชยเพิ่มเติมโดยภาคเอกชน นอกเหนือจากการชดเชยภาครัฐตามพระราชบัญญัติ เพื่อจูงใจให้มีการแจ้งในกรณีเกิดข้อสงสัยการติดเชื้อของการระบาด อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มของผู้ประกอบการ นำไปสู่การสร้างเสริมมาตรฐานการผลิตจนสามารถเป็นสินค้าปศุสัตว์ ที่สามารถสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนแบ่งปันในภูมิภาค และแปรรูปส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ในที่สุด ซึ่งเป็นแนวนโยบายระยะยาวที่ต้องลงมือลงแรงอย่างตั้งใจยาวนาน ทั้งจากภาครัฐและเอกชน ตามแนวทาง 3 P หรือ public-private-partnership

การนำเข้าและส่งออกสุกรมีชีวิตและซากในพื้นที่ปศุสัตว์เขต 3 และ 4 ปี 2561 มีการส่งออกสุกรมีชีวิตทางด่านกักกันสัตว์จังหวัดเลยมากที่สุด เป็นลูกสุกรขุนคละเพศ ไปประเทศลาว จำนวน 23,634 ตัว ส่งออกซากสุกรทางด่านกักกันสัตว์อุบลราชธานีมากที่สุด ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกเนื้อสุกรไปประเทศลาว จำนวน 1,363 ตัน

สรุปรายงานกลุ่ม ผู้ประกอบการต้นน้ำ ในธุรกิจสุกร วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส อุปสรรค (SWOT analysis) ธุรกิจสุกรในภาคอีสาน จากเกษตรกรผู้เลี้ยง

จุดแข็ง :-

  1. มีมาตรฐานการผลิตสุกรสูงขึ้นจากมาตรฐานฟาร์มที่ภาครัฐกำหนด และมาตรการอื่นๆ ที่สนับสนุนให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และมีการใช้ยาปฏิชีวนะน้อยมาก
  2. ใกล้แหล่งผลิตพลังงานกลุ่มคาร์โบไฮเดรต กับอาหารสัตว์ กลุ่มข้าวโพด มันสำปะหลัง และปลายข้าว สำหรับเกษตรกรที่ผสมอาหารเอง
  3. มีการรวมกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงทำให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ทุกกลุ่มมีเอกภาพ สามัคคี ให้ความร่วมมือในทุกๆ เรื่องด้านการประกอบอาชีพ

จุดอ่อน : -

  1. ต้นทุนอาหารสัตว์สูงสำหรับเกษตรกรรายย่อยที่ใช้อาหารจากโรงงานอาหารสัตว์
  2. ราคาสุกรขุนผันผวนสูง แต่โดยรวมยังถือว่าเป็นการประกอบอาชีพที่ดี
    1. ผู้ประกอบการรายใหญ่มีความสามารถทางการแข่งขันสูงกว่ารายย่อย ภายใต้การแข่งขันเสรี
    2. การผลิตสุกรขาดกติกาในการควบคุม ขาดการแบ่งปันจัดสรรการผลิต ทำให้ผู้มีความสามารถขยายการผลิตโดยไม่มีกฎเกณฑ์ควบคุม

โอกาส : -

  1. ยังมีการเลี้ยงไม่หนาแน่นควบคุมป้องกันโรคง่าย การผลิตยังน้อยกว่าความต้องการในพื้นที่
  2. ใกล้ตลาดส่งออกทั้ง สปป.ลาว กัมพูชาเวียดนาม และ จีนที่ตลาดยังมีความต้องการสูง
  3. ในพื้นที่มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์จากเนื้อสุกรสูง หมูยอ แหนม หม่ำ ไส้กรอก ฯลฯ

อุปสรรค : -

  1. ปัญหาสิ่งแวดล้อมทั้งภาวะกลิ่น น้ำเสีย ถึงแม้กรมควบคุมมลพิษมีเกณฑ์ในการควบคุม กลิ่น น้ำ ผ่านเกณฑ์ แต่ชุมชนยังคงมีการร้องเรียนเสมอ บางส่วนใช้มวลชนสัมพันธ์แก้ปัญหา
  2. กระทรวงพาณิชย์มีนโยบายแทรกแซงกลไกตลาดโดยเฉพาะกรมการค้าภายใน สร้างปัญหาในการประกอบอาชีพ เพราะไม่เคยมีมาตรการอะไรช่วงราคาตกต่ำ
  3. การนำเข้าชิ้นส่วนสุกรจากนอกเขตเข้ามาแข่งขันในพื้นที่ไม่มีการควบคุม
  4. ปัญหาการนำเข้าเครื่องในสุกรจากต่างประเทศสร้างผลกระทบต่อราคาสุกรในประเทศ
  5. อุปสรรคเรื่องโรคระบาดอยากให้ภาครัฐเข้มงวดเรื่องการป้องกันโรคในภาพรวมให้สูงขึ้นกว่าปัจจุบัน ในลักษณะสร้างความตระหนักรู้ของผู้ทำมีโอกาสกระทำความผิดให้พึงระวังให้มากขึ้น

 

สรุปรายงานกลุ่ม กลุ่มกลางน้ำ กลุ่มพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมปศุสัตว์

โรงฆ่าสัตว์

  • ปริมาณโรงฆ่าสัตว์ถูกกฎหมายในพื้นที่ ไม่ครอบคลุม ขนาดของสุกรที่เข้าทำการฆ่า รวมถึงการฆ่าลูกหมูที่ไปทำหมูหันยังไม่มีกฎหมายรองรับถูกต้อง
  • ด้านมาตรฐานยังมีจำนวนมากที่ต้องปรับปรุง
  • กฎหมายกำหนดให้โรงฆ่าสัตว์มีพนักงานตรวจโรค แต่ยังขาดพนักงานตรวจโรคที่ทำงานตามเวลาส่วนใหญ่ใช้บริการของเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ ซึ่งจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเวลาทำงาน

โรงตัดแต่งซาก

  • ปัญหาที่ตรวจพบกับโรงตัดแต่งซาก หรือ ที่เรียกว่าโรงงานแปรรูป กฎหมายไม่ได้ครอบคลุมให้กรมปศุสัตว์ไปดูแลในเรื่องของโรงงานตัดแต่งซาก ครอบคลุมแค่โรงฆ่า การกำกับดูแลโรงงานตัดแต่งแปรรูปจะอยู่กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา อยากให้มีกฎหมาย หรือประสานงาน ให้อำนาจร่วมเข้าถึงเข้าไปกำกับดูแลโรงงานแปรรูปตัดแต่งด้วย

ห้องเย็น

  • การขออนุญาตขึ้นอยู่กับกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ กรมปศุสัตว์มีส่วนคือ เข้าไปตรวจซากสัตว์นำเข้าและซากสัตว์ที่นำไปฝาก ไ
  • ห้องเย็นในลักษณะที่สร้างขึ้นมาใช้เก็บผลิตภัณฑ์เอง และห้องเรียนที่เปิดให้ผู้เข้าใช้บริการฝากเป็นการทั่วไป กรมปศุสัตว์จะเข้าไปตรวจในลักษณะของสารวัตรกรมปศุสัตว์ มีลักษณะการเก็บสัตว์หลากหลายชนิด ทำให้มีโอกาสพบเพื่อนเชื้อโรคได้ ซึ่งอาจจะต้องประสานงานกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรมด้านข้อมูลการจัดเก็บ เพื่อประโยชน์ในการที่จะเข้าไปตรวจสอบได้อย่างสะดวกและมีการเก็บอย่างถูกสุขอนามัยมากขึ้น
  • เสนอให้มีข้อกำหนดหลักเกณฑ์ในการที่จะนำสินค้าปศุสัตว์เข้าไปฝาก

 

การขนส่งเคลื่อนย้าย

  • มีผลกระทบต่อคุณภาพและสุขอนามัยของซากปศุสัตว์ที่ทำการขนส่ง
  • การเคลื่อนย้ายสุกรมีชีวิตปัจจุบันมีการกำหนดเรื่องของสวัสดิภาพทำให้ลดความเครียดของสัตว์เลี้ยงสุกรในระหว่างการขนส่งได้ดีขึ้น

ปัญหาพ่อค้าคนกลาง

  • ที่มีพฤติกรรมในการกดราคาเกษตรกรซึ่งอำนาจหน้าที่ของกรมปศุสัตว์ไม่มีอำนาจในการเข้าไปกำกับดูแลในธุรกรรมได้ แนะนำให้มีการขึ้นทะเบียนพ่อค้าคนกลางซึ่งจะง่ายในการควบคุม โดยมีการสร้างเครือข่ายให้กรมปศุสัตว์เข้าไปกำกับดูแล จะได้ทั้งคุณภาพของบุคลากรและคุณธรรมของการประกอบอาชีพที่มีผลกระทบต่อเกษตรกร

สรุปรายงานกลุ่ม ผู้ประกอบการปลายน้ำ ในธุรกิจสุกร ประกอบด้วยโรงฆ่า แปรรูป จำหน่ายเนื้อสุกร ธุรกิจอาหาร

ข้อเสนอเรื่อง Pig Board

  1. นำเสนอการแก้ปัญหาเรื่องหมูนั้น ต้องร่วมมือกันทั้งภาครัฐ และเอกชน เพราะต้องใช้ กำลังของบุคลากร  ใช้งบประมาณ ความรู้ความเข้าใจ โครงสร้าง ลักษณะและสภาพปัจจุบันของธุรกิจสุกร
  2. แนะนำให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อระดมสมอง หรือ เป็นคลังสมอง(Think Tank) เพื่อจะได้นำความคิดที่ได้ จากผู้ที่มีส่วนได้เสีย ในทุกแง่มุม เพื่อเห็นภาพของปัญหา มีข้อเสนอเรื่องของ Pig Board ดังนี้

1)      เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันของผู้มีส่วนเสียทั้งหมด ธุรกิจสุกรขนาดใหญ่ กลาง เล็กและรายย่อย ในส่วนของคณะกรรมการ ควรคัดเลือกจาก 2 ส่วน ดังนี้

  1.  กรรมการโดยตำแหน่ง เช่น ภาครัฐอาจเป็น ปศุสัตว์จังหวัด ภาคเอกชน นายกสมาคม ชมรม ฯลฯ ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น เช่น อบต. เทศบาล ฯลฯ
  2.  มาจากการสมัคร และคัดเลือกกันเอง โดยคัดจากคนที่มีความรู้ ความสนใจในการแก้ปัญหา ซึ่งคนเหล่านี้จะอยู่ใกล้กับปัญหาและถูกกระทบโดยตรง แต่ไม่ได้มีตำแหน่งใดๆ

2)       บทบาทหน้าที่ ให้คณะกรรมการ Pig Board ระดับภาคและระดับจังหวัด ทำหน้าที่ในการระดมสมองในการแก้ปัญหาต่างๆ ดังนี้

  1.  พิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการให้มีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
  2.  ช่วยทางเจ้าหน้าที่รัฐในการควบคุมและป้องกันโรค
  3.  ช่วยรักษาเสถียรภาพของราคาสุกร

ปัญหาและอุปสรรค

  1. ปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและใบอนุญาตต่างๆ
  2. เกี่ยวกับมาตรฐานฟาร์ม
    1. เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งฟาร์มขนาด ใหญ่ กลาง เล็ก และย่อย ควรจะให้มีการสำรวจฟาร์มและทำการ จัดลำดับชั้น (Grading) โดยใช้แรงจูงใจให้มีการปฏิบัติไปทีละขั้นละตอน และในแต่ละขั้นก็มีความยากง่าย และงบประมาณในการลงทุนแบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นระดับ เช่น ก ข ค เป็นต้น
    2. โรงฆ่าสัตว์ ปัจจุบันเรื่องการขออนุญาตทำโรงฆ่าสัตว์นั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากๆ เพราะต้องเกี่ยวข้องกับหน่วยงานต่างๆ ถึง 9 หน่วยงาน จึงเป็นปัญหากับผู้ที่ต้องการทำโรงฆ่าที่ได้มาตรฐาน
  • ในเรื่องโรงฆ่านั้น ทางกรมปศุสัตว์ควรดึงกลับมาทำเองตามเดิม เพราะตอนนี้เหมือนไม่มีแม่งาน ไม่เป็น One Stop Service ทำให้ยุ่งยากในการดำเนินการมาก
  • เรื่องโรงฆ่า ไม่ใช่ปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่เป็นปัญหาเรื่องการขออนุญาตตั้งโรงฆ่า
  • อีกทั้ง โรงฆ่าก็ควรจะมีประเภท ก ข ค เช่นกัน เริ่มจากง่ายไปหายาก ไม่ใช่ใช้มาตรฐานเดียวกันหมด เพราะธุรกิจโรงฆ่านั้น เป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนค่อนข้างน้อย ผู้ที่จะทำนั้น ส่วนมากต้องสามารถต่อยอดไปได้ เช่น เป็นเขียงหมูเองเป็นต้น

ปัญหาเรื่องการเคลื่อนย้ายสัตว์

          ปัจจุบันเราเน้นเรื่องการตรวจสารเร่งเนื้อแดง ซึ่งฟาร์มเล็กและรายย่อย มักไม่ได้รับการบริการ จึงเสียเปรียบฟาร์มใหญ่ เพราะไม่สามารถเคลื่อนย้ายสัตว์ไปขายในจังหวัดอื่นได้ และถ้าจะรอให้ทางราชการมาเก็บ ก็ต้องใช้เวลาหลายวัน ซึ่งก็อาจจะไม่ทันกับที่ตลาดต้องการ ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่กรมเองต้องมีความพร้อมในการให้บริการตรงนี้เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างฟาร์มใหญ่และฟาร์มเล็ก

เขียงหมู

          ตอนนี้ที่ทำอยู่แล้วก็คือ ปศุสัตว์ OK และเขียงสะอาด แต่ปัญหาคือ แหล่งที่มาของหมู ซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องมาจากฟาร์มมาตรฐานเท่านั้น อันนี้อยากให้แก้ระเบียบ อย่าพึ่งเอามาพันกัน เพื่อให้เขียงหมูสามารถซื้อหาหมูจากเกษตรกรได้โดยตรง อันนี้จะทำให้เกิดความร่วมมือจากเขียงหมูมากขึ้น

เรื่องเสถียรภาพของราคา

เรื่องเสถียรภาพของราคามีแนวทางในการแก้ปัญหาได้ดังนี้

  1. ให้คณะกรรมการ Pig Board มีส่วนร่วมในการประมาณการเรื่อง Demand และ Supply ของหมู โดยหาตัวเลขกำลังการผลิตสุกรของทั้งฟาร์มขนาดใหญ่ กลาง เล็ก ย่อย เพื่อให้ทราบตัวเลขที่แท้จริง และคอยแจ้งเตือนถึงภาวะหมูขาด หมูล้นด้วย
  2. ใช้ห้องเย็นให้เป็นประโยชนในการดูดซับหมูส่วนเกินกับทุกภาคส่วน ไม่ใช่เป็นประโยชน์เฉพาะกับรายใหญ่ที่มีตลาด Modern Trade เอง
  3. ต้องตั้งกองทุนเพื่อรักษาเถียรภาพของราคาสุกร โดยการเก็บจากสุกรที่เข้าโรงฆ่า เช่น อาจจะเก็บตัวละ 10-20 บาท เพื่อเข้ากองทุน

เรื่องการควบคุมโรคระบาด

          ปัญหาที่เกิดการระบาดของโรคอย่างรวดเร็วนั้น สาเหตุหลักคือการไม่ยอมทำลายซากสัตว์ ซึ่งไม่สามารถควบคุมด้วยการเคลื่อนย้ายได้ เพราะมีการลักลอบเคลื่อนย้ายสัตว์เสมอเมื่อมีโรคระบาด สิ่งที่ควรทำคือการชดเชยความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงสุกร ซึ่งกองทุนที่เราเก็บมาจากผู้เลี้ยงสุกรนี่แหละที่จะช่วยในการชดใช้ความเสียหายให้กับผู้เลี้ยงสุกร ซึ่งเราต้องเรียกเก็บจากผู้ที่ผลิตมาก จ่ายมาก เป็นการเก็บค่าธรรมเนียมที่ปลายทาง(โรงฆ่า) แล้วนำกองทุนนี้มาพัฒนาผู้มีส่วนได้เสียกับธุรกิจสุกรต่อไป อาจจะเรียกกองทุนนี้ว่า “กองทุนพัฒนาธุรกิจสุกร” ก็ได้ คือให้พัฒนาทั้ง ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ

การประชุมครั้งต่อไปจะมีการลงพื้นภาคใต้ที่จังหวัดพัทลุง ในเขต 8 และ 9 โดยพื้นที่ภาคใต้มีลักษณะการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง เช่นเดียวกับภาคอีสาน เช่นกัน โดยกองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์ จะเก็บรวบรวมข้อมูลจากการประชุมร่วมเพื่อนำมากำหนดแนวทางปฏิบัติ เพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์สูงสุดของนโยบายนี้ต่อไป

Visitors: 470,944